รายงานเรื่อง
วิธีการเลือกซื้อ และหลักการทำงานของอุปกรณ์เครื่องพีซี เช่น ซีพียู เมนบอร์ด ฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอม สแกนเนอร์
เสนอ
อาจารย์ ประพาส ศรีชัยวัฒน์
จัดทำโดย
นางสาวบำรุงรัตน์ พลนิกร
รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาพื้นฐานระบบคอมพิวเตอร์
ลือกซื้อฮาร์ดดิสก์
ขณะนี้ฮาร์ดดิสก์ที่เป็น
ultra dma หรือ ultra ata ได้มีการออกมาจำหน่ายกันแล้วหลายยี่ห้อในบ้านเรา ที่เห็นก็มีฮาร์ดดิสค์ของ fujitsu quantum,seagate และ western dogital ส่วนยี่ห้ออื่นๆ เช่น maxtor และ ibm ในต่างประเทศมีออกมาแล้วเช่นกัน คาดว่าคงมีการนำเข้ามาจำหน่ายในไม่ช้านี้เช่นเดียวกัน กองบรรณาธิการของเราจึงได้นำเฉพาะยี่ห้อที่จำหน่ายในบ้านเรามาแนะนำให้คุณๆได้รู้ถึงคุณสมบัติ และประสิทธิภาพของแต่ละยี่ห้อขอ้ได้เปรียบของฮาร์ดดิสก์
ultra dmaฮาร์ดดิสที่มีผู้นิยมใช้อยู่ในขณะนี้ส่วนใหญ่จะเป็นฮาร์ดดิสค์
ide แบบ pio ซึ่งจะแบ่งออกเป็น pio mode ต่างๆ ได้แก่ pio mode 1, mode3 และ mode 4 แต่ละ mode จะให้อัตราความเร็วในการส่งถ่ายข้อมูลแตกต่างกัน กล่าวคือ pio mode 1 มีความเร็วในการส่งถ่ายข้อมูลแตกต่างกัน กล่าวคือ pio mode 1 มีความเร็วในการส่งถ่ายข้อมูล 5.2 mb/s, pio mode 3 ความเร็ว 11.1 mb/s และ pio mode 4 ความเร็ว 16.6 mb/s ซึ่งความสามารถการส่งถ่ายข้อมูลของแบบ pioจะจำกัดที่ 16.6 mb/s เท่านั้น ดังนั้นจึงได้มีการพัฒนาฮาร์ดดิสค์ ide แบบใหม่ที่เป็น ultra dma หรือ ultra dma/33 ขึ้นมา ซึ่งมีอัตราการส่งถ่ายข้อมูลสุงสุดถึง 33.3 mb/s จะเห็นว่าสูงกว่า pio mode 4 เป็น 2 เท่า แต่ในการที่จะสามารถส่งถ่ายข้อมูลด้วยความเร็วเท่านี้ได้นั้นนอกจากฮาร์ดดิสค์จะต้องเป็น ultra dma แล้ว ยังต้องมีปัจจัยอื่นๆเกี่ยวข้องอีก ซึ่งจะขอกล่าวถึงในบทความน่ารู้ที่เกี่ยวข้องอีก ซึ่งจะขอกล่าวถึงในบทความเรื่องน่ารู้ที่เกี่ยวกับอาร์ดดิสค์ ultra dmaต่อไปเรามาดูถึงคุณสมบัติและประสิทธิภาพของอาร์ดดิสค์แต่ละตัวกันเลย ฮาร์ดดิสค์
ujitsu มีอยู่ 2 ตระกูล คือ ตระกูล mpa 30xxat udma และ mpb30xxat ในตระกูล mpa30xat udma มีรุ่น mpa 3052at และ mpa3017at สำหรับตระกูลmpa30xxat มีรุ่น mpb3021at,mpb3032at,mpb304at,mpb3052atและmpb3064at เลขสองตัวหลังจะแสดงถึงความจุของอาร์ดดิสค์ เช่น mpb3043at จะมีความจุ 4.3 gb สำหรับรุ่นที่เรานำมาทดสอบเป็นรุ่น mpa3026a4,mpa3035atcและ mpb3043at บนตัวฮาร์ดดิสค์มีป้ายบอกชื่อรุ่นให้เห็นแต่คุณต้องเพ่งมองซักหน่อย เพราะตัวอักษรมีขนาดเล็ก ในรุ่น mpa3026at และ mpa3035at ที่เราได้มาทดสอบจากฟิลิปปินส์ส่วนรุ่น mb3043at ผลิตจากญี่ปุ่น ซึ่งแล้วแต่ผู้นำเข้าจะนำเข้าจากระเทศใด บนตัวฮาร์ดดิสค์ยังบอกถึงจำนวน ylinder,head และ secter ของฮาร์ดดิสแต่ละรุ่นในตระกูลนั้นจะบอกถึงวิธีการเซตจัมเปอร์ 3 แบบ คือ master,slave และ csel ซึ่งสามารถดูและเซตตามได้ง่าย ตัวจัมเปอร์ 2 ตัวถอดเข้าออกได้สะดวกฮาร์ดดิสค์ของ
fujitsu ทุกรุ่นใช้เทคโนโลยีหัวอ่านแบบ mr (magnetoresistive) และเทคโนโลยีแชนเนลการอ่านข้อมูลแบบ prml (partial rsponse maximum likelihood) ช่วยให้ฮาร์ดดิสก์สามารถบันทึกข้อมูลได้มากขึ้น โดยบิต ข้อมูลสามารถเก็บในพื้นที่แต่ละตารางนิ้ว (bpi)ได้มากขึ้นนั้นเอง ทำให้ลดจำนวนจากแพล็ตเตอร์ให้น้อยลง เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับฮาร์ดดิสค์ นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบการทำงานของฮาร์ดดิสค์ว่าปกติดีอยู่หรือไม่ในกรณีที่ฮาร์ดดิสทำงานผิดปกติจะมีการรายงานให้ผู้ใช้ทราบเพื่อจะได้เวฟไฟล์ก่อนที่ข้อมูลจะเสียหาย ซึ่งฮาร์ดดิสในปัจจุบันส่วนใหญ่จะสนับสนุนคุณสมบัติเหล่านี้แล้วแทบทั้งสิ้น คุณสมบัติของฮาร์ดดิสค์ในรุ่น mpa 3026at มีอินเตอร์เฟสแบบata-3สนับสนุน udma (ultra dma)ความจุ 2.62 gb มีหัวอ่านเขียน 3หัวบัฟเฟอร์ 128 kb มีseek time แบบ track to track เท่ากับ3 ms และ seek time โดยเฉลี่ยอ่าน 10 msเขียน 12 ms ความเร็วรอบ 5,400 rpm สำหรับรุ่น mpa3035at มีอินเตอร์เฟสแบบ ata-3 สนับสนุน udma ความจุ 3.50 gb ภายในมีแฟล็ตเตอร์ 2 แพล็ตเตอร์ หัวอ่านเขียน 4 หัว บัฟเฟอร์ 128 kb มี seek time และความเร็วรอบเท่ากับรุ่น mpa3026at ส่วนรุ่นmp3043atมีอินเตอร์เฟตแบบ ata-3 ที่สนับสนุนudma ความจุ 4.32 gb 4kp ภายในมีแพล็ตเตอร์ 2 แพล็ตเตอร์ หัวอ่านเขียน 4 หัวบัฟเฟอร์ 256 kb มี sek time แบบ track to track เท่ากับ 2.5 ms seek time โดย เฉลี่ยในการอ่านน้อยกว่า 10 ms และเขียน 11 ms ความเร็วรอบ 5,400 rpm จากการทดสอบฮาร์ดดิสค์ของ fujitsu ดู ปรากฏว่าเป็นฮาร์ดดิสค์ที่ค่อนข้างจะมีความทนทานในการใช้งานสูง ความเร็วที่ได้จากการทดสอบอยู่ในระดับต้นๆ โดยเฉพาะความสามารถในการก๊อปปี้ไฟส์หลายๆ ไฟล์จะเห็นว่าฮาร์ดดิสค์ยี่ห้อนี้ทำได้ดีทีเดียว ในขณะที่การก็อปปี้ไฟล์ไฟล์เดียวทำได้ไม่แพ้ยี่ห้ออื่นเหมือนกัน จะเป็นรองก็เฉพาะอาร์ดดิสค์ของ western digital เท่านั้นแต่ห่างกันไม่มาก ฮาร์ดดิสค์ fujitsu มีควมสามารถในการอ่านแบบหลายไฟล์ได้ดี จึงเหมาะกับโปรแกรมที่มีการอ่านไฟล์หลายไฟล์ เช่นโปรแกรมเขียน ซีดี เป็นต้น ส่วนการอ่านแบบไฟล์เดียวจะเป็นรอง western กับ quantumวิธีการเลือกซื้อสแกนเนอร์
ถ้าคุณเคยคิดอยากมีสแกนเนอร์ตั้งโต๊ะไว้ใช้งานส่วนตัวแต่ยังไม่มีงบประมาณเพียงพอหรืออาจจะพอสำหรับซื้อเครื่องสแกนเนอร์มือถือ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าแต่นั้นก็อาจไม่เพียงพอต่อการใช้งานบริษัทเดอะแวลลูซิสเตมส์มีเครื่องสแกนส์เนอร์ตั้งโต๊ะที่มีราคาซึ่งผู้ใช้อาจซื้อมาเป็นเจ้าของได้ไม่ยากจำหน่าย ช่วยให้โอกาสการเป็นเจ้าของของเครื่องสแกนส์เนอร์ตั้งโต๊ะของคุณเป็นจริงได้อีกทั้งยังเป็นสแกนเนอร์ที่ติดตั้งใช้งานได้มากขึ้นด้วย
microtek scanmaker v300 สแกนเนอร์ที่นำมาแนะนำคุณๆ คือ เครื่องสแกนเนอร์ microtek รุ่น scanmaker v300 ซึ่งเป็นสแกนเนอร์ตั้งโต๊ะที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก บวกกับน้ำหนักที่เบาเพียง 5 กิโลกรัมและความสะดวกง่ายดายในการติดตั้งใช้งานผ่านทางพอรืตขนาดโดยไม่ต้องอาศัยการติตั้งการ์ดินเตอร์เฟตใดๆลงในเครื่องคอมิวเตอร์ให้ยุ่งยาก สแกนเนอร์รุ่นนี้สามารถเก็บรายละเอียดของเฉดสีบนรูปภาพได้สูงสุด 24 บิต และสามารถเก็บเฉดสีแบบ 8 บิต เกรย์สเกลรวมทั้งเฉดสีขาวดำได้ในรูปแบบการสแกนเพียงรอบเดียวความสามารถในการเก็บรายละเอียดทางด้านฮาร์ดแวร์ของตัวสแกนเนอร์ (optical resolution) ทำได้ 300*600 dpi และจากการใช้ซอฟต์แวร์เพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บรายละเอียดได้สูงถึง 4800*4800 dpi พื้นที่สูงสุดที่ผู้ใช้นำแผ่นกระดาษมาสแกนได้คือ 8.5 “(l)*11.7” (w)( ประมาณกระดาษ a4) เฉพาะตัวสแกนเนอร์มีขนาด 17.3 “(l)*11.5”(w)*3.2”(h)ซึ่งจัดว่าไม่ใหญ่เทอะทะมากนักเมื่อเทียบกับสแกนเนอร์ตั้งโต๊ะทั่วไป microtek scanmaker v300 ยังมีเทคโนโลยี apd (automatic pape detection) สำหรับเรียกพรีสแกนรูปภาพโดยอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้บรรจุแผ่นกระดาษรูปภาพลงในพื้นที่ของเฟรม สำหรับสแกนฟซฟภาพ จุดเด่นอีกข้อของสแกนเนอร์ที่ติดตั้งใช้งานผ่านทางพอร์ตขนาดก็คือสามารถนำไปใช้งานในที่อื่นๆรวมกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นแม้กระทั่งโน๊ตบุ๊คได้โดยสะดวกเพราะเพียงต่อเข้ากับพอร์ตขนาดแล้วติดตั้งซอฟต์แวร์เท่านั้นก็สามารถใช้งานได้ทันทีหลักการทำงาน
ก่อนที่ผู้ใช้จะนำสแกนเนอร์ไปติดตั้งใช้งานต้องทำการปลดล็อคชุดหลอดไฟของเครื่องสแกนเนอร์ออกเสียก่อนเพราะทางผู้ผลิตต้องยึดเอาไว้ป้องกันการเลื่อนไหลขณะขนย้าย ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายให้กับหลอดไฟได้ โดยการปลดล็อคสวิตส์ด้านหลังเครื่องเชื่อมต่สายสัญญาณระหว่างพอร์ตเตครื่องสแกนเนอร์กับพอร์ตขนานของเครื่องคอมพิวเตอร์ และหากมีเครื่องพรินตอร์ใช้งานอยุ่ก็สามารถต่อพรินเตอร์เข้ากับพอรืตขนานของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้จากนั้นต้องติดตั้งชุดซอฟต์แวร์โมดูลการสแกน
microtek scan wizart ซึ่งคอมแพตทิเบิ้ลกับมาตราฐาน twain จากแผ่นซีดีรอมซอฟต์แวร์ที่ให้มากับชุดสแกนเนอร์รุ่นนี้ร่วมกับซอฟต์แวร์ทุกตัวที่สนับสนุนมาตราบานเดียวกันได้ทั้งหมดจุดเด่นในการสแกน
โมดูลการสแกน
microtek scanwizark ขอสแกนเนอร์รุ่นนี้สามารถเลือกกำจัดลายสานที่เกิดขึ้นกับรูปภาพที่สแกนกับภาพพิมพ์บนวารสารต่างออกไปได้ ด้วยการกำหนดให้มดูลการสแกนตัดลายสานที่เกิดจากการเรียงตัวของเม็ดสีบนภาพพิมพ์ทำให้ได้ไฟล์รูปภาพที่มีระดับคุรภาพดีสามารถนำไปใช้กับงานพิมพ์ได้ทันที วิธีก็คือเลือกกำหนดค่ารายการ descreen ในโมดูลการสแกนให้เป็นmagazine เพื่อให้กับประเภทของงานพิมพ์ที่นำมาสแกน เมื่อสั่งสแกนระบบการทำงานก็จะกำจัดลายสานที่เกิดขึ้นให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเครื่องสแกนเนอร์โดยทั่วๆไปจะไม่มีความสามารถตรงส่วนนี้เมื่อสแกนภาจากวารสารสิ่งพิมพ์ต่างๆไฟล์ภาพที่ได้ก้จะมีลายสานเกิดขึ้นทำให้คุณภาพของไฟล์รูปลดลงไปมาก ลองดูผลการสแกนที่ได้เปรียบเทียบกันระหว่างภาพที่ตัดลายสานออกเรียบร้อยแล้วกับภาพสแกนตามปกติการเลือกซื้อเมนบอร์ด
คุณสมบัติของเมนบอร์ดจะมีมากเท่าใดขึ้นอยู่กับชิพเซตที่ใช้ในการควบคุมการทำงานบนเมนบอร์ดเป็นสำคัญ ซึ่งผู้ที่เป็นผู้นำทางด้านการผลิตชิพเซตรายสำคัญก็คือ
intel คุณผู้อ่านสามารถสังเกตได้จากเมนบอร์ดที่คุณใช้อยู่หรือเมนบอร์ดที่มีวางจำหน่ายกันล้วนแล้วแต่ใช้ชิพเซตออกมามากมาย โดยแบ่งเป็นชิพเซตสำหรับเพนเทียม เพนเทียมโปร และเพนเทียม\ สำหรับชิพเซตที่ใช้กับเพนเทียมจะมี fx,hx,vx และล่าสุดคือ tx หรือ 430tx นั่นเอง คุณสมบัติของชิพเซต tx ที่เห็นได้ชัดคือ ใช้ชิพ piix 4 ide bus master ซึ่งสนับสนุนการใช้งานกับอินเตอร์เฟส ide แบบใหม่ที่เรียกว่า ultra dma/33 ทำให้ส่งถ่ายข้อมูลได้ด้วยความเร็ว 33 mb/s (แต่เดิมอินเตอร์เฟส ide แบบ pio mode 4 ส่งถ่ายข้อมูลได้เพียง16.6 mb/s) เมื่อใช้กับฮาร์สดิสที่เป็น ultra dma ชิพเซต tx ยังสนับสนุนแรมแบบ sdram ได้อย่างเต็มที่ โดยคุณสามารถได้จากเมนบอร์ด tx หลายยี่ห้อที่ออกแบบให้ใช้ซ็อกเก็ต sdram ทั้งหมดโดยไม่มีซ็อกเก็ต sdram ทั้งหมดโดยไมม่ซ็อกเก็ต simm g]p และยังสนับสนุน concurrent pci ซึ่งเป็นความสามารถของ pci master ที่สามารถส่งถ่ายข้อมูลไปยังอุปกรณ์ต่างๆได้พร้อมกัน โดยไม่ต้องรอให้งานหนึ่งเสร็จสิ้นลงก่อน ทำให้การทำงานของระบบทั้งหมดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสนับสนุนระบบการประหยัดพลังงาน acpi (advanced configuration and power interface) และ ospm(os direct power management) ที่ใช้กับระบบปฏิบัติการatx form
factorเมนบอร์ดในรุ่นใหม่ๆที่ออกมาจะมีทั้งแบบ
atและ atx โดยในแบบ atx จะมีการออกแบบวงจรบนเมนบอร์ดให้กระชับ โดยจัดให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเมนบอร์ดอยู่ใกล้กันเพื่อให้การรับส่งสัญญาณเป็นไปอย่างรวดเร็ว ผลก็คือเมนบอร์ด atx จะเร็วขึ้นประมาณ 10 % เมนบอร์ด atx ได้จัดวางซ็อกเก็ตซีพียูให้อยู่ไกลจากสล้อตเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการ์ดที่ยาวจะติดกับซีพียู หรือการวางตำแหน่งให้ซ็อกเก็ตแรมอยู่ใกล้กับซ็อกเก็ตซีพียูและสล้อต จัดให้คอนโครลเลอร์และช่องต่อกับฟลอปปี้ดิสค์แลอาร์ดดิสค์อยู่ใกล้กับด้านหน้าแคสเพื่อให้การต่อสายเคเบิลออกไปยังฟลอปปี้ดิสค์ไดรฟ์และฮาร์ดดิสค์ทำได้สะดวกมากขึ้น นอกจากนี้เมนบอร์ด atx ยังมีพอร์ตต่างๆไม่ว่าจะเป็น ps/2 สำหรับคีบอร์ดและเม้าพอร์ตอนุกรม com1,com2 พอร์ตขนานดังนั้นที่จะเปลื่ยนมาใช้เมนบอร์ด atx ต้องใช้เคสแบบ atx ด้วยกันจึงจะใส่กันได้ลักษณะของเมนบอร์ดที่ควรซื้อ
พอร์ต
: พอร์ตต่างๆที่ติดตั้งมาให้บนเมนบอร์ด โดยส่วนใหญ่จะมีพอร์ต ps/2 จำนวน 2 พอร์ตสำหรับต่อกับคีย์บอร์ดและเม้า ( ผู้ที่ต้องการอัพเกรดเฉพาะเมนบอร์ดที่เป็น atx สามารถใช้กับคีบอร์ดและเม้าที่มีอยู่เดิมได้โดยต้องใช้ตัวแปลง) และมีพอร์ตอนุกรม 2 พอร์ต พอร์ตขนาน 1 พอร์ต สำหรับบางเมนบอร์ดอาจมีพอร์ต usb จำนวน 2 พอร์ตและถ้าบางเมนบอร์ดถ้ามีชิพแสดงผลหรือชิพประมวลผลทางด้านเสียง ก็จะมีพอร์ตสำหรับต่ออยู่เมนบอร์ดด้วย ส่วนช่องต่อ ir สำหรับใช้กับอุปกรณ์อินฟราเรดต่างๆ จะมีอยู่บนเมนบอร์ดเป็นส่วนใหญ๋อยู่แล้วซ็อกเก็ตแรม
: ถ้าคุณมีแรมแบบ simm (fpm หรือ edo ) และต้องการนำมาใช้กับเมนบอร์ดใหม่ คุณก็ต้องเลือกเมนบอร์ดที่มีช็อกเก็ตแรมทั้งแบบ aimm และแบบ dimm โดย simm ควรมี 4 ช็อกเก็ต dimm ควรมี 2 ช็อกเก็ต เป็นอย่างต่ำ ขนาดรวมของแรมที่สามารถใส่ได้ควรจะได้อย่างน้อย 256 mb สำหรับผู้ที่ต้องการใช้แรมเฉพาะ sdram ควรเลือกเมนบอร์ดที่มีเฉพาะช็อกเก็ต dimm อย่างเดียว เพราะลักษณะของวงจรจะออกมาสำหรับ sdram โดยเฉพาะทำให้ประสิทธิภาพของเมนบอร์ดโดยรวมดีขึ้น และควรมีช็อกเก็ต dimm 3 ช็อกเก็ตเป็นอย่างต่ำจัมเปอร์ จัมเปอร์หลักๆ ที่ผู้ต้องการอัพเกรดเมนบอร์ดต้องทราบก็คือจัมเปอร์สำหรับเซตความเร็วบัสตัวคูณ และแรงดันไฟฟ้า ซึ่งคุณสามารถดูวิธีการเซตได้จากคู้มือที่ให้มากับเมนบอร์ด สำหรับเมนบอร์ดรุ่นใหม่ที่ออกมาส่วนใหญ่จะเซตความเร็วบัสได้ถึง
75 และ 83 mhz ดังนั้นเมนบอร์ดที่คุณเลือกซื้อถ้าได้ถึง 83 mhz ก็จะเป็นการดีปัจจุบันมีเมนบอร์ดบางยี่ห้อที่ไม่จำเป้นต้องเซตจัมเปอร์บนเมนบอร์ดแต่ใช้การเซตจากไบออสแทนทำให้ผู้ใช้สะดวกยิ่งขึ้น เช่น เมนบอร์ด abitลักษณะพิเศษของบางเมนบอร์ด
:คุณลักษณะพิเศษของเมนบอร์ดไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มคอนโทรลเลอร์ของscsi,vga และการ์ดเสียงบนเมนบอร์ด น่าสนใจเฉพาะผู้ที่ไม่มีอุปกรณ์ดังกล่าวอยู่ก่อนแล้วเท่านั้น สำหรับผู้ที่มีแล้วควรเลือกเมนบอร์ดรุ่นที่ไม่มีคุณสมบัติพิเศษดังกล่าวจะดีกว่า เพราะราคาจะต่ำกว่าสล้อต
: ควรจะมีอยู่จำนวนมากพอสมควร เพื่อให้สามารถติดตั้งการ์ดต่างๆ ได้จำนวนมาก อย่างน้ยควรมีสล้อต isa 4 สล้อต ซึ่งเมนบอร์ดโดยส่วนใหญ่แล้วจะมีสล้อต isa 4 สล้อต ซึ่งเมนบบอร์ดโดนส่วนใหญ่แล้วจะมีสล้อต isa และ pci ที่อยู่ตรงกลางแชร์กันอยู่เมื่อติดตั้งการ์ดที่สล็อตใดสล้อตหนึ่งอีกสล้อตหนึ่งจะใช้ไม่ได้ ดังนั้นสล็อดที่สามารถตดตั้งได้จริงๆแล้วจะมีอยุ่รวมทั้งหมด 7 สล้อตเท่านั้น คุณต้องพิจารณาตรงจุดนี้ด้วยช็อกเก็ตซีพียู
: เป็น zif socket 7 ควรสามารถรองรับซีพียูเพนเทียมที่จะมีออกมาในอนาคต ควรจะใช้ได้กับ ซีพียูเพนเทียมของ intel ทั้งตระกูล p54c (75-200 mhz)และ p55c หรือmmx (166,200และ 233 mhz) และk6 (pr200-233 mhz) ส่วน cyrix ควรสามารถรองรับ mi และm2แคช
: ควรเป็นแคช pipeline burst sram แบบ write back ขนาด 512 kb ซึ่งเมนบอร์ดโดยส่งวนใหญ่จะติดตั้งแคชบนเมนบอร์ดมาให้แล้วจำนวน 2 ตัว แต่ละตัวจุมีขนาด 256 kb รวมเป็น 512 kbคุณสามารถสังเกตเมนบอร์ดที่คุณจะซื้อว่าเป็นชิพเซต
tx หรือไม่โดยดูจากชิพเซตบนเมนบอร์ดทั่วไปจะมีชิพเซตหลักๆอยู่ 2 ตัว แต่จะมีชิพเซตตัวหนึ่งที่เขียนว่า 82439 tx pclest ของ interการเลือกซื้อ ซีดีรอม
worm:
สื่อการจัดเก็บข้อมูลแบบ write once /read only นี้ได้เข้ามาสู่ผู้ใช้นานมากแล้ว ประมาณว่าเกือบ10 ปีลักษณะเทคโนโลยีนั้นก็เป็นไปตามชื่อ คือ เขียนครั้งเดียวอ่านได้หลายครั้ง คือ ว่าเมื่อข้อมูลถูกบันทึกเข้าสู่สื่อ
WORM เครื่องหมายทางกายภาพต่าง ๆ จะถูกทำขึ้นที่บริเวณพื้นผิวของสื่อด้วยการใช้แสงเลเซอร์แบบพลังงานต่ำ ทำให้เกิดรอยอย่างถาวรที่ไม่อาจลบหรือเปลี่ยนแปลงได้ ตัวอย่างง่าย ๆ ที่สัมผัสได้ก็เช่น CD-R Dirve นั่นเองที่ทำหน้าที่สร้างเครื่องหมายบนแผน CD-R ซึ่งอาจแก้ไขได้ในภายหลังแต่สื่อแบบนี้มีจุดอ่อนสำคัญคือไม่สามารถแก้ไขข้อมูลได้เขียนไปแล้วได้เลย ฉะนั้นหากต้องการอัพเดทข้อมูล ลบข้อมูล หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลใด ๆ ที่อยู่บนสื่อจะทำไม่ได้ถึงหน่วยงานเอกชนหรือองค์กรต่าง ๆ ที่ต้องมีอัพเดทข้อมูลอยู่อย่างสม่ำเสมอจะพบว่าสื่อเพื่อเก็บข้อมูลสำคัญที่ไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลง จะพบว่าสื่อแบบ
WORM นี้เหมาะสมกับตนเองมากRewritable Optical:
สื่อแบบ Rewritble หรือ Erasable นี้มีลักษณะพิเศษของสื่อแบบ Optical คือข้อมูลปริมาณมากในพื้นที่น้อยได้ จุดเด่นเหนือ WORM หรือ Magneto Driveสื่อชนิดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใช้ไฟล์ขนาดใหญ่ ๆ เพราะความสะดวกในการเคลื่อนย้ายหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลบ่อย ๆ เพราะความสะดวกในการเคลื่อนย้ายตัวสื่อที่เพียงพกพาเอาแผ่น
Optical ขนาดเล็กๆที่บรรจุได้หลายร้อยเมกะไบต์ไปยังเครื่องอื่นที่มีไดรฟ์แบบ Optical เช่นเดียวกันแอพพลิเคชัยชนิดที่ต้องใช้ข้อมูลขนาดใหญ่นี้ก็อย่างเช่นแอพพลิเคชัน
CAD/CAM หรือแอพพลิเคชัน DTP ( Destop Publishing ) หรือ image Processing เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่จะมีขนาดตั้งแต่ 1 MB ไปจนถึงหลายร้อย MBจากการศึกษาพบว่าผู้ที่ใช้สื่อแบบ
Rewritable นี้มักใช้ส่อนี้เพื่อเก็บข้อมูลเสริมจากการเก็บไว้บนฮาร์ดดิสค์ของตนโดยมักเป็นลักษณะของการนำข้อมูลไปใช้ เหตุผลสำคัญหนึ่งที่ Optical Drive ไม่สามารถเข้าแทนที่ฮาร์ดดิสค์ได้ ทั้งยังเก็บข้อมูลได้มากกว่าในเนื้อที่ที่เท่ากัน เนื่องจากความเร็วในการทำงานของไดฟ์Optical นั้นช้ากว่าฮาร์ดดิสค์ในปัจจุบันอย่างมากเวลาในการเข้าถึงข้อมูลโดยเฉลี่ยของไดรฟ์ แบบ
Optical เดิมนั้นจะอยู่ราว 40 ถึง 60 Miliseconds ขณะที่ไดรฟ์รุ่นใหม่ ๆ นั้นทำงานเร็วกว่ามากคือใช้เวลาลดลงเหลือเพียง 30 ถึง 40 Miliseconds อย่างไรก็ตามไดรฟ์แบบ Optical ที่เร็วที่สุดนี้ยังคงทำงานได้ช้ากว่าฮาร์ดดิสค์ ทั่วไปอยู่น้อยกว่า 3 เท่านั้นเอง อีกทั้งการที่ฮาร์ดดิสก์ในปัจจุบันนั้นเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นจากแต่ก่อนอย่างเร็ว ทั้งด้านความจุและความเร็วที่พัฒนาอย่างโดดเด่นเหนือสื่อชนิดอื่นทำให้ฮาร์ดดิสก์ยังคงเป็นทางเลือกหลักสำหรับการใช้งานประจำเครื่องคอมพิวเตอร์Magneto-Optical Drive
เป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่า Magnet-Optical นี้มีจุดอ่อนอยู่ที่ประสิทธิภาพความเร็วที่ยังด้อย อย่างไรก็ตาม MO ก็เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในกลุ่มผู้ใช้เทคโนโลยี
Magneto-Optical นั้นโดยชื่อก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าเทคโนโลยีที่ผสมผสานระหว่างแม่เหล็กไฟฟ้าและแสงเลเซอร์จถูกไปใช้ร่วมกันเพื่อเปลี่ยนสถานะของสื่อ Optical เลเยอร์ที่แอคทีฟอยู่ของดิสก์จะเป็นแม่เหล็ก การเปลี่ยนสถานะของแม่เหล็ก 0 เป็น 1 นั้นจะต้องเปลี่ยนสถานะทางไฟฟ้าของสื่อ ซึ่งต้องใช้ทั้งแม่เหล็กไฟฟ้า,แสงเลเซอร์ และด้วยวิธีทางเทคโนโลยีของ magneto-optical นี้การเขียนข้อมูลใดจำต้องหมุนพื้นที่สื่อผ่านหัวอ่าน/เขียนถึง 3 ครั้ง เริ่มจากครั้งแรกลบข้อมูล รอบต่อมาเขียนข้อมูล และสุดท้ายตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง แต่สำหรับการอ่านข้อมูลนั้นก็ใช้เวลาเพียง 1 รอบเท่านั้นphase-change:
เทคโนโลยี phase-change นี้ไม่พบกับปัญหาด้านประสิทธิภาพเช่นเดียวกับmagneto-optical
ทั้งนี้เนื่องจากว่า phase-change ทั้งนี้เนื่องจากว่า phase-change นั้นเป็นเทคโนโลยีแบบ optical เดียวที่สามารถเขียนข้อมูลได้โดยตรง เพราะอาศัยเทคโนโลยี optical ที่ใช้เพียงเลเซอร์เท่านั้นในการอ่านและเขียน ทำให้ phase-change เขียนข้อมูลใหม่ได้ด้วยการขับเคลื่อนสื่อผ่านหัวอ่าน/เขียนเพียงครั้งเดียว แสงเลเซอร์ที่ใช้นี้จะไปแปลงจุดบนแผ่นลเยอร์ของดิสก์ที่แอคทีฟอยู่จากวัตถุไร้รูปร่างให้กลายมาอยู่ในสถานะที่สะท้อนกับการไม่มีแสงสะท้อน และเปลี่ยนข้อมูลการมี
/ไม่มีแสงสะท้อนมาเป็นตัวเลขศูนย์0 และ 1
การเลือกซื้อซีพียู
คำถามยอดนิยมคำถามหนึ่งที่มักมีผู้ถามกันเข้ามาก็คือร้านไหนที่ไว้ไจได้บ้าง
? ข้อนี้มีคำแนะนำง่ายๆ ครับอันดับแรกให้ดูร้านที่เดขายมาได้นานพอสมควร เพราะช่วยให้มั่นใจได้ว่าน่าจะทำธุรกิจนี้อย่างจริงจังไม่ไช่ประเภทขายได้เงินพอใจแล้วก็ปิดร้านไป พออุปกรณ์มีปัญหาก็เลยไม่รู้จะไปตามเรื่องรับประกันสินค้ากับที่ไหน ปัจจัยต่อมาก็ให้ดูว่าแต่ละร้านนั้นมีการรับประกันสินค้าอย่างไร เช่น รับระกัน 3 ปี รับเปลี่ยนเฉพาะปีแรก หรือเปลี่ยนได้ตลอด 3 ปี เป็นต้น ซึ่งวิธีการก็คือให้เลือกร้านที่รับประกันเปลี่ยนนานที่สุด อ้อ! อย่าลืมถามก่อนด้วยนะครับว่าที่รับเปลี่ยนนั้นต้องรอกี่วันถึงจะได้ของใหม่มาเพราะถ้าต้องรอกันเป็นอาทิตย์หรืเดือน คิดแล้วบางทีก็ไม่คุ้มเท่าไหร่ ส่วนปัจจัยด้านราคานั้นก็สำคัญเช่นกัน แต่ไม่ควรให้น้ำหนักมากจนเกินไปเพราะร้านท่ตั้งราคาถูกมากๆนั้นอาจจะไมรับผิดชอบเรื่องการประกันในระดับท่คุ้มค่านัก เช่น อาจจะลดเวลาการเปลี่ยนสินค้าในกรณีลงเหลือเพียงไม่กี่สัปดาห์อย่างไรก็ตามากเนการซื้อซีพียูแล้วด้านการรับประกันนั้นเป็นประเด็นที่ไม่สำคัญนัก ทั้งนี้เพราะซีพียูเป็นอุปกรณ์ที่ไม่เสียหายได้ง่ายๆเพระฉะนั้นจะเลือกร้านที่ราคาถูกที่สุดก็นับว่าไม่เสียหาย ยกเว้นอุปกรณ์ที่มีความเสี่ยงต่อการเสียหายได้ง่าย อย่างเช่นฮาร์ดดิสก์ที่ควรคำนึงด้านรับระกันเป็นหลัก
ซีพียูเพนเทียมคลาสสิคจะลักษณะของซีพียู
2 รูปแบบ คือ 1.) ผิวด้านหน้าเป็นเซรามิค และ 2.) ผิวด้านหน้าเป็นผิวด้านคล้ายทำจากคาร์บอน ซีพียูในรูปแบบสองนั้นมักจะพบในซีพียูเพนเทียมความเร็ว 200 mhz มากกว่าควมเร็วอื่นวิธีสังเกตความเร็วของซีพียูจากด้านหน้าตัวชิพในแบบแรกนั้นจะสังเกตได้ที่ตัวชิพบริเวณด้านล่างของตัวซีพียู โดยจากตัวย่างนั้นจะพบว่ามีตัวเลขแสดงรายละเอียดต่างๆ อยู่มากมาย เช่น ตัวเลขแสดงค่า icomp ซึ่งแสดงประสิทธิภาพของซีพียูเป็นคะแนน นอกจากนี้ยังมีรุ่นของซีพียูที่ผลิต ทั้งหมดนั้นไม่มีความสำคัญอะไรเป็นจริงเป็นจังแต่อย่างใด แต่ที่สำคัญคือตัวเลขที่วางไว้ให้เห็นเท่านั้น เพราะตัวเลขตรงนี้จะบ่งบอกความเร็วของซีพียูตัวนั้นให้ผู้ใช้ทราบส่วนซีพียูแบบทีสอง นั้นจะมีตัวเลขบ่งบอกความเร็วปรากฏอยู่บริเวณด้านหน้าเช่นเดียวกัน โดยจะอยู่ตรงกลางซีพียูเป็นตัวเลขสีดำพิมพ์อยู่ ในบางกรณีซีพียูที่คุณจะซื้อก็มีการติดตั้งพัดลมที่บริเวณด้านหน้าของตัวชิพไว้แล้ว ทำให้ตัวเลขที่แสดงความเร็วของซีพียูด้านหน้าของชิพถูกบดบังไปทั้งหมดจนมองไม่เห็น ดังนั้นอีกจุดหนึ่งที่สามารถตรวจสอบความเร็วของซีพียูได้ และเป็นจุดที่เชื่อใจได้มากกว่าหมายเลขแสดงความเร็วที่ด้านหน้าด้วย นั่นคือการดูที่ด้านหลังเดียวกับขาของชิพ ที่บอกได้ว่าเชื่อใจได้มากกว่านั้นก็เนื่องจากบริเวณด้านหน้านั้นทราบมาว่าในอดีตเคยมีรเปลี่ยนหมายเลขแสดงความเร็วให้เร็วกว่าความเป็นจริงเพื่อให้ได้ราคาดีขึ้นแต่ในความเป็นจริงแล้วซีพียูนั้นเป็นซีพียูสเป็คต่ำกว่าที่ผู้ใช้ระบุ แต่สำหรับตัวเลขที่อยู่ด้านหลังของซีพียูนั้นจะไม่สามารถแก้ไขได้เนื่องจากว่าจะเสี่ยงต่อการทำให้ขาของซีพียูหักหรืองอ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับตัวชิพอย่างร้ายแรงจนถึงขั้นใช้งานไม่ได้ การดูความเร็วของซีพียูที่บริเวณด้านล่างของซีพียูนั้นให้พลิกด้านที่เป็นขาของซีพียูขึ้นแล้วสังเกตตัวเลขตามภาพ จะพบว่ามีความเร็วของซีพียูปรากฏอยู่ ไม่ว่าจะเป็น
133 หรือ 166 ส่วนตัวเลขอื่นๆ ก็เป็นเรื่องของรายละเอียดอื่น ๆ ไป เช่นเดียวกับที่ปรากฏทางด้านหน้า เช่น ประเทศที่ผลิต รุ่นที่ผลิต ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ไม่ใช่หัวข้อหลักด้านประสิทธิภาพแต่อย่างใดram (random access memory)
เป็นหน่วยความจำชนิดอ่านและบันทึกข้อมูลได้อาจแบ่งอกได้
2 ลักษณะคือหน่วยความจำ
(main memory)คือหน่วยความจำที่ติดมากับเครื่องสามารถอ่านและบันทึกข้อมูลได้ แต่ข้อมูลจะหายหรือลบเลือนไปหลังจากที่ปิดเครื่องหรือไฟฟ้าดับ ปัจจุบันหน่วยความจำขงเครื่อง pcมีตั้งแต่ขนาด 1 mb ขึ้นไ ป ขึ้นอยู่กับระบบงานที่ต้องการใช้ แต่การจะให้ครอบคลุมงานหลายๆ ประเภทแล้วละก็ ควรติดตั้งหน่วยความจำเเฟ้มให้มากๆ จะได้ใช้งานให้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น เช่น โปรแกรมไมโครซอฟต์วินโดวส์นั้น ควรจะมีหน่วยความจำตั้งแต่ 4 mb ขึ้นไป เป็นต้นหน่วยความจำรอง
(auxiliary memory) หรืออุปกรณ์เก็บข้อมูลต่างๆที่พวกเรารู้จักกันดีเช่นดิสเกตต์
( diskette)หรือฟลอปปี้ดิสก์(floppy disk) หรือแผ่นดิสก์ คือ อุปกรณ์เก็บข้อมูลหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ชนิดต่างๆ มักจะมีความจุ 360 kb กับ 1.2 mb ในแผ่นขนาด5.25 นิ้ว และแผ่นขนาด3.5 นิ้ว ความจุ 720 kb และ 1.44 mb (ขณะนี้แผ่น 3.5 นิ้วรุ่นใหม่ มีความจุที่มากกว่า 21 mb แล้ว)ฮาร์ดดิสก์
( harddisk ) เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูล ที่สามารถทำการบันทึกข้อมูลได้มากกว่าชนิดแรกหลายเท่าตัวในระยะเวลาอันสั้นกว่า (รวดเร็วกว่าแผ่นดิสก์)ในปัจจุบันมีชนิดที่จุข้อมูลได้มากกว่า 1 กิโลไบต์ หรือกว่าพันล้านตัวอักษรเทปแม่เหล็ก
(magnetic tape) ใช้สำหรับการเก็บ(สำรอง) ข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ และต้องมีตู้ควบคุมต่อออกมานอกเครื่องต่างหาก ส่วนมากมักจะใช้กับคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่